The Tour 2011
เริ่มแข่งตั้งแต่วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคมถึงวันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม 2011 ที่ 98 Tour de France จะถูกสร้างขึ้นจากขั้นตอน 21 และจะครอบคลุมรวมระยะทาง 3,430.5 กิโลเมตร
เป็นการแข่งแบบบุคคลแต่นักแข่งต้องสังกัดทีม (จำนวนทีมเข้าแข่งขัน 20-22ทีม)
- ทีมที่จะเข้าแข่งขันต้องเป็นทีมที่ได้รับเชิญจากผู้จัดฯ
- แต่ละทีมมีนักปั่นทีมละ 9 คน ช่วยกันทำหน้าที่(ปั่น)ต่างๆกันไป
- แข่งขันกันในช่วงสามสัปดาห์ (21 วัน)
- แข่งวันละสเต็จทุกวัน (มีวันพัก 2 วัน) ระยะทางรวมประมาณ 3,200 ก.ม.
- แบ่งเป็นสเต็จทางเรียบประมาณครึ่งหนึ่ง, TT ทีม 1 สเต็จ, TT เดี่ยว 1 สเต็จ...ที่เหลือทางขึ้นเขา (เกือบสิบสเต็จ)
- ผู้ชนะประเภทเวลารวม (เสื้อเหลือง) คือผู้ทำเวลารวมได้น้อยที่สุด (บางสเต็จ/จุดพิเศษมีการลดเวลาให้ผู้เข้าเส้นชัยเป็นโบนัส)
- ผู้ชนะประเภทคะแนนรวม (เสื้อเขียว) คือผู้ทำแต้มสะสมสูงสุด โดยผู้ที่เข้าเส้นชัย 25 อันดับแรกในทุกสเต็จจะได้คะแนนสะสม
- ผู้ชนะในสเต็จขึ้นเขา (เสื้อลายจุด) คือผู้ทำคะแนนสะสมในสเต็จภูเขารวมสูงสุด
- ผู้ชนะที่อายุน้อยกว่า 25 (เสื้อขาว) ที่ทำเวลารวมดีที่สุดในกลุ่มนักปั่นอายุน้อย
- ผู้ชนะประเภททีมคือนับเวลารวมของคนที่ดีที่สุดสามคนแรกของแต่ละสเต็จ
- ผู้ชนะประเภท Super Combativity คือนักปั่นที่ปั่นได้ดุเดือด (break-away?)
การแข่งจักรยาน Tour de France คือการแข่งจักรยานทางไกล ที่มีระยะทางประมาณ 3,600 กม. ใช้เส้นทางบนถนนของประเทศฝรั่งเศล และประเทศใกล้เคียงเป็นสังเวียนอันดุเดือด กินระยะเวลา 3 สัปดาห์ การแข่งจะแบ่งออกเป็นช่วงๆในแต่ละวัน เรียกว่า "เสตจ" เวลาของแต่ละวันจะถูกบันทึกเอาใว้ ซึ่งผุ้แข็งแกร่งที่สุด ทำเวลารวมทุกเสตจได้น้อยที่สุด จะเป็นผู้ชนะการแข่งรายการนี้ ได้ถือครองเสื้อเหลือง อันเป็นเกียรติยศสูงสุดของโลกจักรยาน
นายคนนี้ครับ Firmin Lambot
การแข่งขันจะใช้เส้นทางแตกต่างกันทุกปีไม่ เหมือนกัน แต่นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1975 เป็นต้นมา เส้นชัยสุดท้ายจะอยู่ที่ถนน Champs-Élysées ถนนเส้นที่สวยที่สุดในโลกกลางกรุงปารีส ถือเป็นไคลแมกซ์สุดท้ายก่อนสิ้นสุดชัยชนะต่อหน้าประตูชัยที่ตั้งตระหง่าน เป็นสักขีพยานแด่ผู้แข่งขันทั้งหมดที่ฝ่าฟันการเดินทางสุดโหดมาได้สำเร็จ
Tour de France สมัยใหม่ ถูกแบ่งออกเป็นเสตจต่างๆ 21 เสตจ มีระยะทางรวมไม่เกิน 3,500 กม. ซึ่ง การแข่งที่ยาวที่สุดเคยเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1926 มีระยะทางทั้งสิ้น 5,745 กม. และการแข่งที่สั้นที่สุดมีระยะทางเพียง 2,420 กม. เมื่อปี ค.ศ.1904 การแข่งจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คั่นด้วยวันพัก 2 วัน โดยปกติแล้ววันพักดังกล่าวคือวันที่ผู้จัดออกแบบมาเพื่อสำหรับการขนส่งนัก กีฬาและทีมงานจากเมืองหนึ่งไปเริ่มต้นอีกเมืองหนึ่ง เพราะปกติรายการนี้ เมื่อสิ้นสุดที่เมืองใด วันรุ่งขึ้นจะเริ่มต้นที่เมืองนั้นเดินทางต่อไปอีกเมืองหนึ่ง เส้นทางโดยรวมของการแข่งขัน คือการวนรอบฝรั่งเศสและประเทศใกล้เคียงแบบตามเข็มหรือทวนเข็มนาฬิกา ความโหดเทียบได้กับการวิ่งมาราธอนติดกันทุกวันเป็นเวลา 3 สัปดาห์ และหากนำความสูงที่ได้จากการไต่เขาทุกลูกมารวมกันก็จะได้ความสูงยิ่งกว่าการ ไต่ยอดเขาเอฟเวอเรส 3 ลูกต่อกัน
การแข่งขันตูร์เดอฟรองซ์จะแบ่งเป็นช่วง (stage) เพื่อเก็บคะแนนสะสม ผู้ชนะในแต่ละช่วงจะได้รับเสื้อ (jersey) เพื่อสวมใส่ในวันต่อไป โดยมีสีเฉพาะสำหรับผู้ชนะในแต่ละประเภท คือ
สีเหลือง (maillot jaune - yellow jersey) สำหรับผู้มีคะแนนรวมสูงสุด
สีเขียว (maillot vert - green jersey) สำหรับผู้ชนะในแต่ละสเตจ
สีขาวลายจุดสีแดง (maillot à pois rouges - polka dot jersey) สำหรับผู้ชนะในเขตภูเขา ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะว่า จ้าวภูเขา King of the Mountains
สีขาว (maillot blanc - white jersey) สำหรับผู้มีคะแนนรวมสูงสุด ที่อายุต่ำกว่า 25 ปี
สีรุ้ง (maillot arc-en-ciel - rainbow jersey) สำหรับผู้ชนะการแข่งขันจักรยานชิงแชมป์โลก (World Cycling Championship) ซึ่งมีกฏว่าจะต้องใส่เสื้อนี้เมื่อแข่งขันในประเภทเดียวกับที่ผู้แข่งนั้นเป็นแชมป์โลกอยู่
เสื้อแบบพิเศษ สำหรับผู้มีคะแนนรวมสูงสุด และชนะการแข่งขันช่วงย่อย และจ้าวภูเขา
ผู้ชนะเลิศ
แลนซ์ อาร์มสตรอง นักแข่งจักรยานชาวอเมริกัน เป็นผู้ที่ชนะการแข่งขันตูร์เดอฟรองซ์มากที่สุด คือ 7 สมัยติดต่อกัน รองมาคือ มีเกล อินดูเรน (สเปน) ชนะ 5 สมัยติดต่อกัน แบร์นาร์ อีโนล (ฝรั่งเศส) ชาก อองเกอตีล (ฝรั่งเศส) และเอดดี เมิกซ์ (เบลเยียม) ชนะคนละ 5 สมัย